รู้จักโครงการ

ที่มาโครงการ

ที่มาโครงการ

“...ถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไรคงจะช่วยได้มากกว่านี้…”

จากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ที่ทรงแสดงความห่วงใยต่อปัญหาภัยแล้ง และอุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำป่าสัก แม้ในยามประชวรว่า

“…แม่น้ำป่าสักจะบริหารจัดการได้ยากที่สุด เพราะปริมาณน้ำไหลลงอ่างสูงมากหลายเท่าของความจุอ่าง ทำให้การบริหารจัดการทำได้ยาก…”

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” จึงถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2556 ด้วยความร่วมมือระหว่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และภาคีเครือข่าย โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา เพื่อน้อมนำศาสตร์พระราชา และภูมิปัญญาท้องถิ่นลงสู่การปฏิบัติเพื่อหยุดท่วม หยุดแล้งลุ่มน้ำป่าสักอย่างยั่งยืน จนสามารถสร้างรูปธรรมตัวอย่างความสำเร็จและการขยายผล เริ่มจากการสร้างต้นแบบ ทั้งบุคคล ชุมชน และโรงเรียน แล้วจึงขยายผลออกไปสู่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ทั่วประเทศ

ทำไมจึงต้องให้ความสำคัญกับ "ลุ่มน้ำป่าสัก"

พื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก เป็นลุ่มน้ำขนาดกลาง และเป็นสาขาสำคัญของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยมีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 10 ล้านไร่  ครอบคลุม 7 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี นครราชสีมา เลย ชัยภูมิ และพระนครศรีอยุธยา ลุ่มน้ำแห่งนี้มีความลาดชันสูง ทำให้ในฤดูฝน กระแสน้ำไหลหลากจากด้านบนลงพื้นที่ลุ่มด้านล่างอย่างรวดเร็ว จนท่วมและทำความเสียหายให้กับเรือกสวนไร่นาเป็นประจำทุกปี ส่งผลกระทบถึงพื้นที่ในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังเช่นที่เคยเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปี พ.ศ. 2554 ขณะที่ฤดูแล้งก็มักจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการเกษตร แม้จะได้รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาช่วยเสริมก็ยังไม่เพียงพอ

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีพระราชดำริให้สร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขึ้น เพื่อเก็บกักน้ำจากแม่น้ำป่าสัก (แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2542) โดยสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้สูงสุด 960 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปริมาณน้ำฝนจะตกลงในลุ่มน้ำป่าสัก เฉลี่ยปีละ 2,400 - 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบัน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประสบปัญหาตะกอนดินไหลลงมาทับถมกินพื้นที่ความจุอ่างไป อันเป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่าบริเวณป่าต้นน้ำ รวมถึงการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ที่ทำให้น้ำฝนไม่สามารถดูดซึมเก็บไว้ใต้พื้นดินได้

คน เครือข่าย ศูนย์เรียนรู้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา โครงการฯ ประสบผลสำเร็จในการขยายจำนวน "คน" และ "เครือข่าย" ที่นำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสู่การปฏิบัติจริง โดยเริ่มจากพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก แล้วขยายไปสู่พื้นที่นอกลุ่มน้ำป่าสัก ผ่านกิจกรรมรณรงค์และการประชาสัมพันธ์กิจกรรมเชิงปฏิบัติการในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางหรือพลวัตรในการขับเคลื่อน คือ สร้างคน-สร้างเครือข่าย-สู่การสร้างศูนย์เรียนรู้

ทั้งนี้ การดำเนินการโครงการฯ สอดคล้องกับกรอบการดำเนินงานฟื้นฟูลุ่มแม่น้ำป่าสัก 9 ปี ซึ่งแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ระยะ คือ

  • ระยะที่ 1 ตอกเสาเข็ม (ปีที่ 1-3)
    สร้างการรับรู้ และตัวอย่างความสำเร็จหลากรูปแบบ ทั้งบุคคล ชุมชน โรงเรียน สร้างศูนย์การเรียนรู้ 1 ศูนย์ เพื่อวัดการขยายผล
  • ระยะที่ 2 แตกตัว (ปีที่ 4-6)
    ขยายผลระดับทวีคูณ สร้างคน สร้างครู สร้างเครื่องมือในการยกระดับศูนย์เรียนรู้ สู่การศึกษาตลอดชีวิต (บ้าน + วัด + โรงเรียน)
  • ระยะที่ 3 ขยายผลเชื่อมทั้งระบบ (ปีที่ 7-9)
    เปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย 5 ภาคีระดับชาติเข้าร่วม (ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน)

9 ปีแห่งพลังสามัคคี ฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน

จากจุดเริ่มต้นของโครงการเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 จนถึง เดือนเมษายน พ.ศ. 2565 เป็นเวลากว่า 9 ปี ที่บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้ร่วมดำเนินโครงการ จนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ

สร้างคน สร้างครู สร้างศูนย์เรียนรู้

สร้างคน

ตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีของการดำเนินงานโครงการฯ มีผู้เข้าอบรมและดูงานในศูนย์เรียนรู้และดูงานของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ในลุ่มน้ำป่าสัก 489,984  คน และในลุ่มน้ำอื่น ๆ  826,280  คน รวมทั้งสิ้น  1,316,264  คน

(ศูนย์เรียนรู้และดูงานทั้งหมดของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติทั่วประเทศ ในลุ่มน้ำป่าสัก 12 แห่ง และในลุ่มน้ำอื่น ๆ 58 แห่ง รวม 70 แห่ง)

สร้างครู

โครงการฯ ได้สร้างวิทยากรและครูพาทำในเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติให้เกิดขึ้นในลุ่มน้ำป่าสัก 124 คน และในลุ่มน้ำอื่น ๆ 9 คน รวม 133 คน

สร้างศูนย์เรียนรู้

เกิดศูนย์เรียนรู้ ในลุ่มน้ำป่าสัก 8 แห่ง  และลุ่มในน้ำอื่น ๆ 3 แห่ง  รวมทั้งสิ้น 11 แห่ง ได้แก่

  1. ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสวนล้อมศรีรินทร์ อ.เมือง จ.สระบุรี
  2. ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร อ.เมือง จ.สระบุรี
  3. ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โคกหนองนา โมเดล “หอชาวนา โคกนาศัย” อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
  4. ศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการเกษตร ค่ายพ่อขุนผาเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
  5. ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ วัดใหม่เอราวัณ อ.เมือง จ.ลพบุรี
  6. ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ห้วยกระแทก อ.เมือง จ.ลพบุรี
  7. ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาคืนป่าสัก อ.เมือง จ.ลพบุรี
  8. บ้านเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการ การพึ่งพาตนเอง “บ้านฟากนาฟาร์มสเตย์” อ.เมือง จ.เลย
  9. ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสุรินทร์ (โคก หนอง นา ดาราโมเดล) อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์
  10. ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านพะกอยวา อ.แม่ระมาด จ.ตาก
  11. ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย คริสตจักรนาเรียง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี

โดยมีผู้เข้าอบรมและดูงาน รวมทั้งสิ้น 80,494 คน

สู่การศึกษาตลอดชีวิต : บ้าน วัด โรงเรียน (บวร)

บ้าน (ชุมชน) 7 แห่ง ใน 6 จังหวัด

  1. ชุมชนกสิกรรมวิถี วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
  2. ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านพะกอยวา อ.แม่ระมาด จ.ตาก
  3. บ้านแม่ฮ่าง อ.งาว จ.ลำปาง
  4. บ้านทุ่งเทิง อ.ด่านซ้าย จ.เลย
  5. ชุมชนกสิกรรมวิถี มาบเอื้อง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
  6. ชุมชนกสิกรรมวิถี “หมู่บ้านสุขสมบูรณ์” อ.หนองแซง จ.สระบุรี
  7. ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โคกหนองนา โมเดล “หอชาวนา โคกนาศัย” อ.เสาไห้ จ.สระบุรี

วัด 5 แห่ง ใน 3 จังหวัด

1.    ศูนย์การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการเศรษฐกิจพอเพียง วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

2.    ศูนย์ปฏิบัติธรรมหลักกสิกรรมธรรมชาติ วัดมงคลชัยพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี

3.    ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน วัดหนองพลับ อ.หนองแซง จ.สระบุรี

4.    โรงเรียนศาสตร์พระราชาวัดอู่ตะเภา อ.หนองแซง จ.สระบุรี

5.    ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ วัดใหม่เอราวัณ อ.เมือง จ.ลพบุรี

โรงเรียน 9 แห่ง ใน 5 จังหวัด

  1. โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
  2. โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
  3. โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
  4. โรงเรียนวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม Home School อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
  5. โรงเรียนบ้านแก่งหินปูน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
  6. โรงเรียนบ้านหินโง่น อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
  7. โรงเรียนเมืองศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
  8. โรงเรียนบ้านซับพริก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
  9. โรงเรียนพระพุทธบาทพลานุกูลวิทยา อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

สร้างแรงกระเพื่อมจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย อาทิ

  • การสั่งการจากผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ให้ดำเนินการอบรมให้ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  และการเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ ภายในหน่วยทหาร
  • โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
  • โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ และโรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯได้รับการคัดเลือกใหเป็นโรงเรียนต้นแบบแก่โครงการ อารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอดตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” กระทรวงศึกษาธิการ

ขยายผลจากลุ่มน้ำป่าสักจนครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำในประเทศไทย

จากลุ่มน้ำป่าสักที่ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เลย  เพชรบูรณ์  ชัยภูมิ  สระบุรี  ลพบุรี  นครราชสีมา  และพระนครศรีอยุธยา สามารถขยายผลไปสู่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ทั่วประเทศไทย

ส่งต่อความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจ

สร้างศูนย์กลางการแบ่งปันความรู้ ด้วยสื่อออนไลน์ของโครงการฯ ส่งต่อความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ  การถ่ายทอดเรื่องราวของคนมีใจ และการจัดทำ “คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติ” เป็นต้น