บุญล้อม เต้าแก้ว

ทำน้อยกว่าเดิม แต่ได้ผลผลิตมากกว่า เมื่อมีองค์ความรู้

หลังจากที่พ่อบุญลือได้ไปดูงาน เกษตรทฤษฎีใหม่ ที่วัดมงคลชัยพัฒนา ในปี พ.ศ. 2535 แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ทำให้มีรายได้มากขึ้น จากที่ทำทั้งปีเหลือเงินไม่กี่พันบาท จึงเผยแพร่ความรู้ต่อด้วยการทำศูนย์เรียนรู้ฯ 

บุญล้อมหันมาศึกษาศาสตร์พระราชาตามรอยพ่อ และได้เข้าร่วมโครงการฯ ในปี 1 แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่าย ปรับพื้นที่ด้วยการขุดหนองน้ำ ทำคลองคดโค้ง ทำเกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ชีวภาพ จากที่เคยทำนา 20 ไร่ วันนี้มี โคก หนอง นา ปลูกพืชผสมผสาน ทำนาเพียง 4 ไร่ ก็เหลือกินเหลือใช้ 

“แต่ก่อนชุมชนแถวแม่น้ำป่าสักเกิดปัญหาน้ำท่วมทุกปี บ้านเรือนถูกน้ำท่วมขัง แปลงเกษตรและไร่นาเสียหาย ชาวบ้านไม่มีข้าวจะกิน เดือดร้อนไปตามกัน”

ต่อเมื่อได้เรียนรู้หลักบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพตามแนวพระราชดำริจากสถานที่ต่าง ๆ จึงนำมาปรับใช้ให้เข้ากับพื้นที่ราบลุ่มส่วนกลางน้ำที่ตนอยู่

แบ่งผืนดินในบ้านขุด “หนอง” ให้เป็นแหล่งเก็บน้ำและที่อาศัยของปลา มีผักบุ้งผักกระเฉดเป็นแหล่งอาหารของคน

นำดินที่ขุดได้ปั้นเป็น “โคก” ให้สูงกว่าระดับน้ำของปีสุดท้ายที่เคยท่วม เพื่อใช้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก

เมื่อดินเหลือจึงใช้เสริมคัน “นา” กักน้ำไม่ให้นาข้าวแห้ง ยามน้ำหลากยังรับน้ำไว้ให้พืชผักบนโคกปลอดภัย

เมื่อบุญล้อมทำสำเร็จ “โคก หนอง นา โมเดล” จึงกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบแก่เพื่อนร่วมชุมชน ไม่เพียงแก้ปัญหาน้ำท่วมตามฤดูกาล ยังแก้ไขความยากจนของเกษตรกรด้วย

ปัจจุบัน บุญล้อมเป็นหนึ่งในคณะทำงานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และเป็นวิทยากรอบรมให้กับเครือข่ายทั่วประเทศ  อีกทั้งเป็นกำลังคนสำคัญของโครงการฯ ในการเผยแพร่องค์ความรู้นี้ต่อไป