กัลยา สำอาง

กัลยา สำอาง

สวนบุญทวี อ.ขลุง จ.จันทบุรี

สมาชิกสภาเกษตรกร จ.จันทบุรี วิทยากรศูนย์กสิกรรมธรรมชาติโป่งแรด

ปู เจ้าของสวนผลไม้ที่ตัดสินใจหักดิบจากที่เคยใช้เคมี มาทำเกษตรอินทรีย์ 100% และพบว่าสามารถทำเกษตรอินทรีย์เป็นทางหลักได้ไม่ใช่แค่ทางเลือก เธออุทิศตนเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้วยการเป็นวิทยากรที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติโป่งแรด โดยใช้สวนบุญทวีเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการเรียนรู้ เธอมีหลักคิดว่า "ถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ"

หลังจบการศึกษาด้านการตลาด ปูได้เข้ามาดูแลสวนผลไม้พื้นที่ 40 ไร่นี้ต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิตไปด้วยสาเหตุส่วนหนึ่งจากการสูดดมและสัมผัสสารเคมีในสวนที่แต่เดิมเป็นสวนผลไม้ที่ใช้ยาและปุ๋ยเคมี เฉกเช่นสวนผลไม้ส่วนใหญ่ในจังหวัดจันทบุรี เพราะมุ่งหวังผลผลิตปริมาณมากเพื่อนำมาป้อนตลาดที่มีล้งจำนวนมากรอรับซื้อ เมื่อเธอได้มาดูแลสวนเต็มตัวจึงตัดสินใจเลิกใช้สารเคมีทางการเกษตรโดยสิ้นเชิง มุ่งหน้าทำเกษตรอินทรีย์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำสวนผลไม้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมีทางการเกษตร โดยใช้น้ำหมักรสต่าง ๆ และสารชีวภัณฑ์ทดแทน ก็สามารถมีผลผลิตที่ดีได้อีกทั้งยังมีคุณภาพที่ดีกว่าทั้งเนื้อสัมผัส รสชาติ และประโยชน์ต่อสุขภาพ

ด้วยการเป็นวิทยากรที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติโป่งแรด เพื่อเผยแพร่แนวคิดเกษตรอินทรีย์และศาสตร์พระราชา ขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ด้วยระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม Participatory Guarantee Systems (PGS) ซึ่งเป็นระบบการรับรองโดยเกษตรกรในท้องถิ่นตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
 
นอกจากนี้ เธอยังทำงานกับสภาเกษตรกรแห่งชาติในการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิเรื่องพืช ขับเคลื่อนใน จ.จันทบุรี และอบรมเยาวชนเพื่อสร้างทายาทเกษตรกรให้สามารถอยู่รอดอย่างมั่นคงในที่ดินของตัวเอง โดยทำงานประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ

จากการทำงานขับเคลื่อนมากว่า 14 ปี เธอเห็นว่าหัวใจสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์คือการแบ่งปัน ความใส่ใจ และสำคัญที่สุดคือองค์ความรู้ เธอพบว่าความสุขของเธอนั้นคือการมีมิ่งมิตร และได้แบ่งปันผลไม้ดี ๆ เหมือนที่กินเองแก่คนอื่น ๆ  

ปูติดตามงานของโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง และร่วมเป็นผู้ประสานในปีที่ 6 เมื่อโครงการฯ มีการเอามื้อสามัคคีที่ จ.จันทบุรี ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน มีการปลูกพืชมากขึ้นตามความต้องการของตลาด ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำ การจัดการน้ำด้วยหลุมขนมครกจึงเป็นทางออกที่สำคัญ