กอมบุชา

กอมบุชา

กอมบุชา (Kombucha) ชาหมักที่ถือว่าเป็นยาอายุวัฒนะมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับคนรักสุขภาพ คงจะเคยได้ยินหรือเคยดื่มมาแล้ว นอกจากจะหาซื้อยากและมีราคาแพงแล้ว เราสามารถทำกอมบุชาไว้ดื่มเองได้ไม่ยาก ซึ่ง อ.โจน จันใด เคยมาสาธิตวิธีทำ เมื่อคราวที่โครงการฯ จัดกิจกรรมงานสรุปผลโครงการฯ ในปีที่ 5 (พ.ศ. 2560) ณ ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ บางกะปิ 

ลองทำตามสูตรนี้ดู

กอมบุชา หรือชาหมักนี้ ดื่มกันมานานนับ 2,000 ปี ตั้งแต่ราชวงศ์จิ้น ใน ค.ศ.265 เรียกว่า ชาเห็ดแดง (Hongchajun) ตามลักษณะวุ้นแดง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการหมักนั่นเอง ต่อมาความรู้นี้ เผยแพร่ไปในเกาหลี มีนายแพทย์ชื่อ กอมบุ (Kom-bu) นำชาหมักนี้ไปถวายจักรพรรดิญี่ปุ่น โดยบอกว่าเป็นชาอมฤต ปรากฏว่าจักรพรรดิที่ทรงประชวร ด้วยอาการอ่อนเพลีย เสวยแล้วอาการดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ชาชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า "ชากอมบุ" หรือกอมบุชา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

องค์ความรู้นี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่จีน เกาหลี ญี่ปุ่น แต่ได้เดินทางต่อไปยังอินเดีย รัสเซีย ยุโรป และอเมริกาในเวลาต่อมา แล้วชาเห็ดแดงก็กลายเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีราคาขึ้นมา เมื่อกลายเป็นของดีที่แพร่หลายในยุโรปและอเมริกา ในกอมบุชา มีสารที่ช่วยส่งเสริมให้ตับขับสารพิษและสารก่อมะเร็งได้ดีขึ้น ปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ในงานวิจัย ยังตรวจพบสารต้านจุลชีพที่ก่อโรค ด้วยพบกรดอินทรีย์ที่มีประโยชน์นับสิบชนิด

วิธีทำกอมบุชา

  1. นำใบชา ชาเขียว ดำ แดง อย่างใดก็ได้ (ยกเว้นชาที่มีน้ำมัน เช่น เอิร์ลเกรย์ เพราะน้ำมันในชาจะทำให้จุลินทรีย์ไม่เจริญเติบโต)
  •  น้ำ 1.5 ลิตร ต่อชา 2 ซอง
  • ต้มชาจนเดือด พอเริ่มเดือดแล้วหรี่ไฟลง ต้มต่อประมาณ 6-10 นาที เพื่อสกัดสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ ออกมา

สูตร อ.โจน

สูตรที่ 1

  • ใส่สมุนไพร ผลไม้ กระเจี๊ยบ สัปปะรด ฯลฯ หรือผลไม้อื่น ๆ ที่ชอบลงไปต้มพร้อมชา

สูตรที่ 2

  • ต้มชากับน้ำเปล่า หมักไว้จนได้ที่ กรองน้ำชาออกมาหมักต่อกับผลไม้ต่าง ๆ อีกสองวัน แล้วกรองกากผลไม้ออก
  1. เมื่อต้มชาจนได้ที่ ปิดไฟ ยกลงจาดเตา กรองกากชาออก เอาน้ำชาที่ได้ใส่น้ำตาลลงไป ค่อย ๆ เติม ชิมจนได้รสหวาน น้ำตาลจะเป็นอาหารจุลินทรีย์
  2. ปิดฝา ทิ้งน้ำชาหวานให้เย็นลง เตรียมโหลแก้วเพื่อหมัก ล้างให้สะอาด ลวกน้ำร้อน เช็คให้แห้ง
  3. หย่อยสกูบี้ หรือเชื้อจุลินทรีย์ลงไปในโหล พร้อมน้ำกอมบุชาเพื่อเป็นหัวเชื้อลงไปประมาณ 10% วัดจากขนาดของโหล
  4. เติมน้ำหวานที่ผสมน้ำตาลไว้แล้วลงไป ปิดฝาด้วยผ้าขาวบางหลาย ๆ ทบ ครอบฝาปิดทับลงไปหลวม ๆ เพื่อให้อากาศเข้าได้ นำไปวางไว้ที่ร่ม ไม่โดนแดดตรง ๆ อากาศถ่ายเทดี ไม่ขยับบ่อย เพราะจุลินทรีย์ที่เกิดใหม่จะอ่อนแอและกระเทือนง่ายมาก
  5. หมักไว้ครบ 7 วัน ลองเปิดฝาชิมดู ถ้าได้รสหวานอมเปรี้ยวซ่าโดนใจแล้ว ก็กรองเอาแต่น้ำ กรอกใส่ขวด ปิดฝา ทิ้งไว้ข้างนอกหนึ่งวัน เพื่อให้เกิดความซ่า แล้วใส่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่ม ถ้ายังไม่โดนใจก็หมักต่ออีกสัก 2-3 วัน หรือหากเปรี้ยวบาดคอเกินไป ก็ลดจำนวนวันในการหมักลง

สรรพคุณ

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ลดการปวดศีรษะจากไมเกรน ล้างพิษในเลือด ช่วยระบบย่อยอาหาร และการอุดตันในลำไส้ ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดน้ำหนัก

ข้อมูลจาก อ.โจน จันใด และคุณจิรา บุญประสพ ฐานธรรมธุรกิจ สันป่าตอง จ.เชียงใหม่